bestpicture

Tuesday, July 21, 2009

วิธีถ่ายรูปสินค้าให้สวย ก่อนนำมาลงเว็บ

เพื่อนๆ ที่เปิดเวปขายของพวก E-com หรืออะไรก็แล้วแต่ ก็ต้องถ่ายรูปสินค้าที่เรามีไปแสดงให้ลูกค้าดูใช่มั้ยละครับ แต่บางทีรูปมันออกมาไม่สวยไม่เหมือนของจริงเลย วันนี้นำบทความจากเวปกล้อง PIXPROS มาเสนอนะครับ

ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ราคาแพง ก็สามารถ มีแสงในการถ่ายภาพได้ ในราคาไม่ถึง 20บาทครับ เพราะคุณสมบัติของ แสง ก็คือแสง แม้มาจากแหล่งกำเนิดแสงที่ต่างกัน หากเรามีการควบคุม และประยุกต์ใช้ ก็สามารถ นำมาใช้สร้างสรรค์ผลงานเล็กๆ ได้ และยังได้เรียนรู้ กับการจัดแสง ด้วยตนเองครับ

ภาพนี้ถ่ายโดยใช้ flash หัวกล้องยิงตรงใส่ นาฬิกาเลยนะครับ ผลออกมาอย่างที่เห็นครับ ภาพเห็นรายละเอียด แต่ขาดมิติ ดูแบน แสงแบบนี้เรียกว่าแสงที่ยิงเข้าทางข้างหน้าของวัตถุครับ


ผมคิดในใจ เอ้ ถ้าเราจะเล่นทิศทางแสง โดยไม่ใช้ flash แยก เราจะทำอย่างไร กับ อุปกรณ์อะไรได้บ้าง ปิ้ง ในสมองนึกขึ้นได้ มาลองใช้โคมไฟอ่านหนังสือดีกว่า เลยไปซื้อหลอด ใส้ 100watt จาก ปากซอยบ้านมาครับ 18บาท แหล่งกำเนิดแสง หน้าที่ก็คือให้แสงแก่เราในการถ่ายภาพ ไม่สำคัญว่าราคาเท่าไร ซึ่งแสงบางอย่างฟรี อย่างเช่นแสงจากธรรมชาติ แต่ตัวแปร เยอะมาก ซึ่งมีข้อจำกัดในเรื่องของทิศทางของแสง และเรื่องของ เงาสะท้อนที่จะถ่ายกับวัตถุที่มีเงาสะท้อนครับ
จึงเป็นที่มาว่า ทำไม ต้องมีสตูดิโอ ซึ่งควบคุมและจัดแสง ได้ง่าย แต่ราคาค่อนข้างสูง แต่ถ้าเป็นวัตถุขนาดเล็ก ก็จะมี เต็นท์ ถ่ายสินค้า ซึ่งก็มีราคาสูงเช่นกัน

ผมจึงมาค้นของในลังเจอกับอุปกรณ์ บังคับแสงทิศทางของแสง อิอิ เรียกซะหรูเชียว จริงๆ ก็คือโคมไฟเก่านั่นเองครับ มันปลดประจำการไปตั้งนานแล้ว ตั้งแต่เรามีคอมพิวเตอร์ เราเองก็เริ่มลืม สิ่งที่เคยทำให้เราอ่านหนังสือที่เป็นกระดาษครับ ได้กลับมาใช้อีกครับ ทำให้คิดถึงวันเก่าๆ
อุปกรณ์ ประกอบฉากชิ้นสำคัญต่อไป หาได้ทั่วไปเลยครับ ก็คือ กระดาษ a4 นั่นเอง กับแก้วกาแฟดูเอาเองนะครับ ว่าแก้วกาแฟใช้ทำอะไร ใครจะใช้อย่างอื่นแทนก็ได้นะครับ ซึ่งในกระทู้นี้ผมจะเน้นของที่ง่าย และหาได้ใกล้ตัวเลยนะครับ เพราะเชื่อมั่นว่า ง่ายที่สุด คือ ดีที่สุด ผมทำได้ ใครก็ทำได้ครับ

เรามีตัววัตถุคือ นาฬิกาแล้ว มีโคมไฟ พร้อมหลอดไฟแล้ว มีฉากแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้อีกอย่าง ก็คือขาตั้งกล้องครับ ผมใช้ขาตั้งกล้องถูกๆ อันละ 200 เอง จริงจริงจะไม่ใช้ก็ได้นะครับ เพียงแต่ ผมถ่ายคนเดียวเลย ต้องใช้ เดี๋ยวจะบอกว่าทำไมต้องใช้ครับ
ลองสังเกตุดูนะครับ ภาพที่ได้จากการส่องแสงของโคม ซึ่งเราเรียกแสงแบบนี้ว่าแสงต่อเนื่อง โดยยิงมุม เฉียงเข้าหาตัวแบบ จากด้านบน ขวา เยื้องมาทางด้านหน้า เรียกว่า shortlight ทำให้แบบ ดูมีมิติมากขึ้นกว่า ยิงตรง boardlight แต่แสงจะแข็ง และเกิดเงาที่ กระดาษอย่างชัดเจนครับ ที่สำคัญภาพเหลืองจริงจริงมาแก้ปัญหากันครับ


เอาล่ะครับ มาตั้ง white balance กัน ก็เลือก ทังสเตน เลยนะครับ หรือไม่ก็ custom whitebalance กับภาพถ่ายกระดาษขาวเปล่าเปล่า ภายใต้แสงหลอดไฟ หลอดที่เพื่อนๆใช้ถ่าย ภาพที่ได้จะได้ white balance ที่ถูกต้องครับ แต่แสงก็ยังแข็ง และเงาตกทอดลงบนตัวกระดาษ ก็ยังคมอยู่ดีครับ

เราจะจัดการกันอย่างไร สำหรับแสงที่แข็ง จนทำให้เกิด เงาที่ กระดาษ a4 ล่ะครับ มาทำความเข้าใจกันนิดนึงนะครับ
แสง นุ่มจะทำให้เราสามารถ ลดเงาที่เกิดขึ้นได้นะครับ และทำให้ subject ที่โดนแสงโดนตรงที่เคยขาดรายละเอียดจะมีรายละเอียดกลับมาครับ แล้วทำอย่างไรจะทำให้เกิดแสงนุ่ม

คือว่า แสงนุ่ม เกิดจาก
1. แหล่งกำเหนิดแสง มีขนาด ใหญ่ เมื่อเทียบกับวัตถุที่จะถ่าย บางท่านนึกถึงดวงอาทิตย์ เพราะมีขนาดใหญ่มาก ใหญ่กว่าโลกเราอีก แต่วันที่ฟ้าโปร่ง ทำไม คนยืนกลางแดด จึงมีเงาเข้ม ใต้ตา ใต้คาง หรือแม้แต่ตอนเย็น ที่ฟ้าเปิด เงาก็ยังแข็งอยู่ดี แต่เราลองสังเกตุดูนะครับ มองขึ้นไปแล้วดวงอาทิตย์ เหลือดวงนิดเดียวเลย เมื่อเทียบกับตัวเรา เพราะฉะนั้นก็คือว่า มีขนาดใหญ่ที่หมายถึงคือ ใหญ่กว่าวัตถุแบบ เห็นได้ประจักษ์เลยครับ

2.แหล่งกำเนิดแสงอยู่ใกล้ กับวัตถุ ยกตัวอย่างถ้าในสตูดิโอ อยากให้แสงนุ่มขึ้น นอกจากจะใช้ softbox ที่ใหญ่กว่าตัวแบบเยอะๆ แล้ว ก็ต้องขยับเข้ามาใกล้ตัวแบบมากขึ้นครับ ยิ่งใกล้ยิ่งนุ่ม แต่เป็นดวงอาทิตย์ นี่เราดึงมาใกล้ไม่ได้ ก็ต้องหาตัวกระจายแสงทีทำให้นุ่มมาอยู่ใกล้แบบ เช่น ผ้าใบ สีขาวขุ่น ขนาดใหญ่ ข้ามหัวตัวแบบ เหมือนถ่ายรถยนต์ครับ softbox ใหญ่ กว่าตัวรถยนต์อีก และอยู่ใกล้ตัวรถมากมาก ในขณะที่ต้องไม่บัง เฟรมนะครับ

คราวนี้มาดู สิ่งที่เราถ่ายกันบ้างครับ ว่าจะใช้อะไรในการทำให้นุ่ม ผมบอกแล้วนะครับ ว่าใช้ของใกล้ตัว และ ง่ายที่สุดคือดีที่สุด ผมทำได้ ใครก็ทำได้ที่ผมทำคือ ใช้ถุงพลาสติก ทำให้แสงนุ่มขึ้นโดยทำให้แสง ฟุ้งกระเจิง ทำให้ขยายแหล่งกำเนิดแสงจากโคมไฟ ให้ใหญ่ขึ้น เท่าขนาดของถุง ซึ่งเมื่อเทียบกับ นาฬิกาแล้ว ใหญ่กว่ามากเลยครับ แล้วผมก็ขยับถุงเข้ามาใกล้กับ นาฬิกาให้มากที่สุด โดยที่ไม่บังเฟรมที่จะถ่ายนะครับ


นี่คือที่ผมติดข้างใว้ว่าทำไมผมต้องใช้ขาตั้ง เพราะผมต้องใช้มืออีกข้างถือ ถุงพลาสติกนี่เอง และตั้งเวลาถ่ายเราลองมาเปรียบเทียบดู ระหว่าง สองภาพนี้นะครับ ภาพที่ใช้ ถุงพลาสติก กับภาพที่ไม่ได้ใช้ ภาพนี้ไม่ได้ใช้ถุงพลาสติก นะครับ สังเกตุดูเงาที่วัตถุนะครับ แข็ง และมีขอบคม รายละเอียดตรงขอบหน้าปัดสีส้มด้านขวาตัวเรือน รายละเอียดหาย เนื่องจากโดนแสงกระทบโดยตรงครับ

แล้วมาดูอีกภาพครับ ภาพนี้ใช้ถุงพลาสติกครับ ในที่นีถ้าใครมีอุปกรณ์อื่นที่ เป็นสีขาวขุ่น โปร่งแสง นะครับ เช่น กระจกฝ้า แผ่นกระดาษไขเขียนแบบ แผ่นพลาสติกขุ่นสีขาว กระดาษสา ผ้าม่านสีขาวบาง ผ้าขั้นกระทิของคุณแม่ ม่านห้องน้ำ และอีกมากมาย ก็แล้วแต่ความถนัดเลยนะครับ พอดีผมหาไม่ได้ และอยากให้ง่าย ก็ใช้ถุงนี่ล่ะ แต่ละวังมันไปโดนหลอดไฟละครับ เดี๋ยวมีวาบ เพราะมันร้อนมาก อิอิ

คราวนี้ลองดูนะครับ ส่วนของเงาที่ตกกระทบบนฉาก ลดความเข้มลง ความคมที่ขอบเงา หายไป ดูนุ่มนวลขึ้น รายละเอียดที่ตัวขอบหน้าปัดสีส้มด้านขวา กลับมาแล้วครับ เห็นชัดขึ้น

เทียบให้ดู ระหว่าง ใช้ flash หัวกล้องถ่าย กับ การจัดไฟโคมถ่าย แล้วใช้ถุงพลาสติกสีขาวขุ่นบัง ครับ

ขอขอบคุณ Pixpros ครับ

ลองใช้กันดูนะครับใช้ได้กับทุกๆสินค้า

ขอขอบคุณ http://www.thaiseoboard.com/index.php/topic,66795.0.html ที่ให้สาระดี ๆ